บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS

เอไอเอสเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเคลื่อนที่ ก่อตั้งขึ้นในปี 2529 โดยประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่ บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ บริการโทรออกระหว่างประเทศ และ บริการโรมมิ่งต่างประเทศ ซึ่งได้เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยี 2G บนคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ และให้บริการ 3G บนคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ และต่อมาเปิดให้บริการ AIS 4G Advanced บนคลื่นความถี่ 900, 1800 และ 2100 เมกะเฮิร์ตซ์ ด้วยเทคโนโลยี แอลทีอี แอดวานซ์ 3 ซีเอ ปัจจุบันเอไอเอสเปิดให้บริการ AIS Next G ด้วยการนำคลื่นความถี่ 1800 และ 2100 เมกะเฮิร์ตซ์ มารวมกันโดยใช้เทคโนโลยี (2CA) Carrier Aggregation, 4x4MIMO และ DL256QAM/UL64QAM รวมถึงนำเครือข่าย WiFi 5 กิกะเฮิร์ตซ์ มารวมเป็นช่องสัญญาณเดียวกัน ด้วยเทคโนโลยี Multipath TCP (MPTCP) อีกทั้งยังเปิดให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง AIS Fibre อีกด้วย

ปี 2560 เอไอเอสได้ประกาศว่าเราคือ AIS THE NEXT GENERATION ที่มุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านโครงข่าย (Network) การส่งเสริมธุรกิจกับทุกพันธมิตร รวมถึงสตาร์ทอัพ (Economy) การสร้างบริการหลังการขาย และสิทธิพิเศษที่ประทับใจและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น (eXperience) รวมถึงการพัฒนาพนักงานของเอไอเอส (Team)

เอไอเอสกำลังพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงยุคดิจิทัล (Digital Transformation) โดยจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ เสริมประสบการณ์ใช้งานให้กับลูกค้าและส่งเสริมการเติบโตของรายได้ โดยตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ได้แก่ โครงข่ายบริการ พนักงานและวัฒนธรรมองค์กร บริษัทได้ทดสอบเทคโนโลยีเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโครงข่าย 5G ในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวแพ็กเกจแบบคอนเวอร์เจนซ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล รวมถึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการลูกค้าออนไลน์แบบลูกค้าสามารถบริการตนเอง

บริษัทได้จัดสรรงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อสร้างวัฒนธรรมดิจิทัลและสร้างแพลตฟอร์มในการเรียนรู้ให้กับพนักงานของเรา เอไอเอสส่งเสริมการพัฒนาทักษะความรู้และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมการทำงาน รวมถึงพัฒนาบริการลูกค้าไปสู่ประสบการณ์ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ในด้านโครงข่าย เอไอเอสวางแผนที่จะนำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยปฏิบัติงาน และปรับโครงสร้างระบบไอทีให้ใช้งานได้สอดคล้องกับระบบคลาวด์ เพื่อให้โครงข่ายคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น